ยินดีต้อนรับ จ๊ะ

blogger นี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้เกร็ดความรู้ เล็กๆน้อยๆ แก่ผู้อ่าน หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย นะค่ะ ^^ ขอบพระคุณค่ะ

วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เมื่อปรินเตอร์ผลิตปืนได้ จะเกิดอะไรขึ้น?




เรื่องของกฎหมายปืนในสหรัฐฯ ยังไม่ทันจะได้ข้อสรุป ก็มีเรื่องใหม่ให้ชาวอเมริกันต้องมานั่งกังวลเพิ่มขึ้นอีกแล้ว เมื่อเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่างปรินเตอร์ 3 มิติ สามารถผลิตปืนที่ใช้ยิงได้จริงออกมา จนทำให้หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าปืนจากปรินเตอร์จะทำให้อาวุธปืนยิ่งหาง่ายขึ้นจนอันตรายหรือไม่
หลังจากที่มีการเปิดตัวปรินเตอร์ ที่สามารถพรินท์ชิ้นงานแบบ 3 มิติได้เป็นครั้งแรกเมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มผู้ใช้งานและนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก ก็เริ่มทยอยผลิตผลงานที่เกิดจากปรินเตอร์ 3 มิติออกมากันอย่างต่อเนื่อง เช่นนาซา ที่ได้พิมพ์แบบจำลองของยานอวกาศออกมา ขณะที่ ผู้ผลิตภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ ภาคล่าสุดอย่าง SKYFALL ก็ใช้รถยนต์หรู ที่พิมพ์มาจากปรินเตอร์ 3 มิติ มาเข้าฉากก่อนที่จะระเบิดมันในที่สุด
และผลงานจากปรินเตอร์ 3 มิติชิ้นล่าสุดก็คือปืน ซึ่งผลิตโดยกลุ่ม Defense Distributed หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อของ Wiki Weapon องค์กรที่ตั้งขึ้นมาโดยไม่หวังผลกำไร องค์กรนี้ใช้เวลาถึง 1 ปีคิดค้นพัฒนาการผลิตปืนจากปรินเตอร์ 3 มิติจนสำเร็จ ทดลองยิงได้จริง และพร้อมออกวางจำหน่ายแบบออนไลน์ในเร็วๆนี้ โดยล่าสุดมีผู้ประมูลปืนกระบอกแรกที่ได้จากปรินเตอร์ 3มิติผ่านเว็บไซต์ eBay ไปในราคา 8,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 236,000 บาท
ปืนที่ทำมาจากปรินเตอร์ 3 มิติ มีส่วนประกอบหลักเป็นพลาสติก ABS ซึ่งเป็นพลาสติกที่มีคุณสมบัติขึ้นรูปได้ง่าย แต่ไม่ค่อยมีความแข็งแรงมากนัก เมื่อใช้ไปนานๆจะกรอบและแตก แต่ส่วนที่เป็นกระสุนนั้น ทำมาจากโลหะ ซึ่งผลการทดสอบดังกล่าวไม่ได้ระบุว่า กระสุนของปืนที่ใช้กับปรินเตอร์ 3 มิติ มีความรุนแรงเพียงใด และจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่ถูกยิงมากน้อยแค่ไหน
ความไม่แน่นอนในข้อนี้ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเทคโนโลยีนี้จะทำให้ปืนตกอยู่ในมือคนที่ไม่ควรใช้ปืนหรือไม่ ผู้บริหารของกลุ่ม Defense Distributed มองว่า การผลิตปืนจากปรินเตอร์ 3มิติไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ซึ่งทุกคนควรยอมรับความจริงว่า มนุษย์ส่วนใหญ่ต้องการครอบครองปืนไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ดังนั้น การได้ครอบครองในสิ่งที่ต้องการจึงเป็นสิทธิเสรีภาพที่ทุกคนพึงมี
ที่สำคัญ รัฐบาลสหรัฐฯออกมายืนยันแล้วว่า ตราบใดที่ปืนที่ปรินท์จากปรินเตอร์ 3 มิติ ไม่ได้เป็นอาวุธที่อยู่ในการควบคุมของกฎหมายอาวุธของสหรัฐฯ อาวุธชนิดนี้ก็ยังถือว่าถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากว่าอาวุธดังกล่าวจะถูกผลิตและนำออกมาวางจำหน่าย จะต้องได้รับใบอนุญาตจากทางการก่อน
by Chat Room

สังเกต..พฤติกรรมลูก ติดพนันออนไลน์หรือเปล่า?


ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา หากผู้ปกครองท่านไหน พบพฤติกรรมลูกๆ หลานๆ นั่งแช่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ท่องโลกออนไลน์ หรือเล่นเกมเป็นระยะเวลานานๆ อาจจะต้องหันมาสนใจพวกเขาเป็นพิเศษ เพราะขณะนี้มี "เว็บไซต์พนันออนไลน์" นับแสนเว็บในโลกอินเตอร์เน็ต
ในงานเสวนาหัวข้อ "พนันออนไลน์ ภัยร้ายช่วงปิดเทอม" จัดโดยมูลนิธิสดศรี สฤษดิ์วงศ์ ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว และมูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ณ โรงแรม VIC 3 พหลโยธิน ซอย 3 พญาไท กรุงเทพฯ
ศรีดา ตันทะอธิพานิช จากมูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย กล่าวว่า อินเตอร์เน็ตช่วยให้เข้าถึงพนันออนไลน์ได้อย่างง่ายดายภายใน 3 คลิ๊ก จึงทำให้มีคนเข้าไปสู่วงจรของพนันออนไลน์กันมากขึ้น และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เด็กๆ มีก็ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้การเข้าถึงเป็นไปได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น
สำหรับการดูแลเด็กไม่ให้เข้าสู่วงจรการพนันออนไลน์ มีหลายวิธี "ศรีดา" แนะนำว่า 1.ควบคุมการเข้าเว็บไซต์ของเด็ก และควบคุมไม่ให้เด็กเอาบัตรเครดิตของเราไปใช้ พร้อมเช็กสลิปตลอด, 2.ตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ในห้องรวมและแชร์กันใช้, 3.มีการพูดคุยเรื่องการพนันกับลูก และ 4.มีกติกาในการใช้อินเตอร์เน็ต
"จริงๆ เรามีซอฟต์แวร์ในการป้องกันไม่ให้เด็กเข้าไปเล่นพนันออนไลน์ แต่หลายๆ โปรแกรม เพียงแค่ 15 นาที เด็กๆ ก็แฮกได้แล้ว เพราะสมัยนี้เด็กเขาจะเก่งไอทีมากกว่าผู้ใหญ่ การแก้คงต้องอาศัยมาตรการร่วมกันระหว่างหลายฝ่ายโดยเฉพาะผู้ประกอบการ โดยให้ลงทะเบียนซิมการ์ดเพื่อเวอริฟายผู้เล่น, จำกัดเวลาและวงเงินเล่น นอกจากนี้ อยากให้มี "สายด่วนเลิกพนัน" และควรมีการควบคุมโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับพนันทั้งหมด" ศรีดากล่าว
ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิศณุโยธิน จากสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ เล่าว่า พ่อแม่สามารถสังเกตได้ว่าลูกติดการพนันหรือเปล่า เพราะอาการติดการพนัน ถือเป็นโรคทางสุขภาพจิต โดยมีเกณฑ์การวินิจฉัยตามระบบจิตแพทย์อเมริกัน คือ ใช้เกณฑ์ 10 ข้อมาวัด โดยแยกเป็น 3 ด้าน ดังนี้
ด้านสุขภาพ 6 ข้อ ได้แก่ พฤติกรรมโกหก, พฤติกรรมยืมเงิน, พฤติกรรมการขาดโรงเรียน เกรดตก, ปัญหาการใช้เวลาอยู่คนเดียวมากขึ้น, เพิ่มความถี่ของพฤติกรรมอยู่คนเดียว, ทะเลาะกับพ่อแม่และเพื่อน
ด้านอารมณ์ 1 ข้อ ได้แก่ มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เวลาเล่นได้จะมีความสุข เฮฮา สนุกสนาน ช่วงที่เล่นเสียจะหงอย เศร้า แยกตัว
ด้านความคิด 3 ข้อ ได้แก่ คิดว่าเล่นแล้วจะชนะเสมอ, เล่นเพื่อหนีปัญหา โดยไม่คิดว่าสาเหตุที่เกิดปัญหามาจากการเล่น, คิดว่าตัวเองจะเลิกเมื่อไรก็ได้ แต่สุดท้ายก็ควบคุมตัวเองไม่ได้กลับมาเล่นใหม่
"ถ้าเด็กมี 5 ข้อขึ้นไปใน 10 ข้อนี้ให้ระมัดระวังว่าลูกคุณเริ่มเข้าสู่ภาวะของการติดการพนัน" นพ.ทวีศิลป์ย้ำ ก่อนเสริมว่า
"อาการของเด็กที่เป็นโรคติดการพนัน ส่วนใหญ่จะมีอาการซึมเศร้า ยิ่งพอโดนห้ามไม่ให้เล่นแล้วจะรู้สึกแย่ไปหมด บางครั้งจะมีความคิดฆ่าตัวตาย ต้องใช้ยาร่วมกับจิตบำบัด และครอบครัวบำบัดในการรักษา ซึ่งครอบครัวเป็นปัจจัยปกป้องที่สำคัญที่สุด ฝากพ่อแม่ช่วยสังเกตใช้เวลาหยุดของครอบครัวช่วงนี้ในการดูแล สังเกตพฤติกรรมลูก แล้วความรักจากพ่อแม่จะช่วยหยุดการติดพนันของลูกได้" นพ.ทวีศิลป์ทิ้งท้าย
ขณะที่ "บอย" เยาวชนผู้เคยติดการพนัน เผยว่า ตนคลุกคลีอยู่กับการพนันตั้งแต่เด็ก เห็นชาวบ้านแถวนั้นเล่นการพนันพื้นบ้านกันโดยทั่วไป ทั้ง กัดปลากัด ไก่ชน และชนวัว หลังจากได้เห็น ก็เริ่มเรียนรู้ และสัมผัสการพนันมาเรื่อยๆ
"อย่างโปกเกอร์และสล็อตรู้จักมาจากเฟซบุ๊ก ซึ่งผมก็เล่นมาตั้งแต่นั้น ผมว่าที่คนไทยนิยมเล่นพนันออนไลน์ ก็เพราะจากเฟซบุ๊กนี่แหละ ต่อมาก็หันมาเล่นพวกพนันบอล หนักเข้าก็ชวนกันไปเล่นไพ่ในบ่อนเถื่อนกับเพื่อนๆ สุดท้ายเมื่อตัวเองติดการพนันจริงๆ ก็เริ่มไปเข้าบ่อนเถื่อนคนเดียวเล่นหนัก รวมๆ แล้วผมเสียเงินไปกับการพนันร่วม 20,000 บาท"
ทุกวันนี้ "บอย" เลิกเล่นการพนันแล้ว เพราะบิดาขอให้เลิก เพราะไม่อย่างนั้นจะตัดความเป็นพ่อเป็นลูก
"ผมรู้สึกสำนึกผิด และอยากพิสูจน์ตัวเองให้พ่อรู้ว่าเราก็เลิกได้ เพราะก่อนหน้านี้เราก็ทำให้พ่อแม่เสียใจกับเราเยอะ พอตัดสินใจเลิกได้ก็เริ่มหากิจกรรมทุกอย่างที่โรงเรียนเท่าที่ผมจะทำได้ เล่นกีฬา เล่นดนตรี จนทำให้เราเลิกคิดถึงเรื่องการพนันไปเลย" บอยเล่า พร้อมทิ้งท้าย
"วิธีการป้องกันลูกจากพนันออนไลน์ที่ดีที่สุด ให้หากิจกรรมทำร่วมกับพวกเขา พลังของครอบครัวนี่แหละสำคัญที่สุด"

รู้จักธาตุ...ดูแลตัวเองง่ายๆ เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย



"ฟ้าร้อง แดดร้อน ฝนตก เธอก็มา..." เธอที่กล่าวถึง ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าโรคภัยไข้เจ็บตัวร้าย ที่พร้อมจะแฝงตัวเข้าสู่ร่างกายทันทีที่ภูมิคุ้มกันเราอ่อนแอ ยิ่งช่วงเวลาระหว่างผลัดเปลี่ยนของฤดูกาล อากาศเริ่มแปรปรวน อาจจะร้อนอบอ้าว และบางครั้งก็มีฝนตก ส่งผลให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน และส่งผลให้ป่วยได้ในที่สุด
นพ.ประพจน์ เภตรากาศ ประธานมูลนิธิสุขภาพไทย ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเบื้องต้นง่ายๆ ด้วยตนเอง เพื่อให้ร่างกายเตรียมพร้อมต่อสภาพอากาศที่แปรปรวน และหน้าฝนที่กำลังจะมาถึงตามหลักแพทย์แผนไทยว่า หน้าร้อนจะเป็นช่วงของ ปิตตะ คือ ธาตุไฟ เพราะเป็นความร้อน ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับไต การย่อยอาหาร และช่องท้อง ในช่วงที่อากาศร้อนจัด อาจทำให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นและทำให้มีไข้ได้ ถ้าบริโภคอาหารประเภท แป้ง ข้าว ในปริมาณมากหรืออาหารรสเผ็ดร้อน จะทำให้ระบบการย่อยและระบบเผาผลาญร่างกายมีปัญหาได้ จะมีอาการปวดท้อง จุกเสียด อาหารไม่ย่อยได้
ส่วนช่วงหน้าฝน จะเป็นช่วง วาตะ คือ ธาตุลม จะควบคุมและส่งผลต่อกล้ามเนื้อ การไหลเวียนเลือดและเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ สำหรับผู้ที่มีอายุ ตั้งแต่ 32 ปีขึ้นไป เมื่อเข้าสู่หน้าฝนจะเกิดโรคเกี่ยวกับลมและทางเดินหายใจได้ง่ายกว่าคนวัยอื่น อาจเป็นไข้หวัด มีอาการ คัดจมูก น้ำมูกไหล และอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหรือปวดตามข้อได้ง่าย
นอกจากปัญหาสุขภาพที่เกิดจากระบบธาตุในร่างกายคนเราแล้ว นพ.ประพจน์ ยังพูดถึงโรคที่เกิดขึ้นและต้องระวังในช่วงหน้าฝนอย่าง โรคไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย และไข้หวัดด้วยว่า โรคไข้เลือดออก สาเหตุการเกิดโรคคือ ยุงลาย ส่วนไข้มาลาเรีย เกิดจาก ยุงก้นปล่อง ยิ่งเมืองไทยมีภาวะอากาศร้อนที่เหมาะสมต่อการขยายพันธุ์ของยุงลาย ยิ่งทำให้ยุงลายมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไข้มาลาเรียและไข้เลือดออก ถือว่า ป้องกันยากแต่ป้องกันได้ โดยต้องระมัดระวังไม่ให้ยุงกัด ถ้านอนในพื้นที่ที่มีประตู หน้าต่างเปิดโล่ง ควรกางมุ้งนอน หรือจะใช้ผักสวนครัว ที่เป็นสมุนไพรอย่างดีกันยุงอย่างเช่น ตะไคร้หอม สาระแหน่ ใบกะเพรา นำมาขยี้ๆ และทาตามผิวหนัง จะช่วยไล่ยุงได้
นอกจากนี้ ควรทานอาหารที่ให้พลังงานมากขึ้นกว่าเดิม ทานปลา ธัญพืช ข้าวกล้อง ทานของที่มีความร้อนมากกว่าความเย็นเพื่อช่วงป้องกันโรคหวัด ถ้าเป็นไข้หวัด นอกจากยาแผนปัจจุบันที่รักษาแล้ว สมุนไพรไทย อย่างเช่น ยาฟ้าทะลายโจร น้ำขิง ก็มีคุณสมบัติบรรเทาอาการหวัด คัดจมูกเบื้องต้นได้เช่นกัน
นพ.ประพจน์ ยังแนะนำอีกว่า ถ้าเป็นโรคที่เกี่ยวกับปัจจัยภายในร่างกายเกี่ยวกับภาวะปรับเปลี่ยน ประชาชนต้องระวังเป็นพิเศษ สำหรับช่วงที่อากาศร้อนจัดแล้วค่อยๆ เย็นขึ้น อย่างช่วงหน้าร้อนเราอาจจะชอบกินของเย็น หรือมีรสเย็น แต่ถ้าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของฤดูกาลเดี๋ยวร้อนอบอ้าว เดี๋ยวฝนตก ไม่ควรกินอาหารที่มีรสเผ็ดร้อนจนเกินไป แต่ควรกินอาหารเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น แต่ไม่มากเท่ากับช่วงหน้าหนาว
อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อย่าลืมนำวิธีดูแลสุขภาพง่ายๆ เบื้องต้นไปปฏิบัติกันนะคะ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ห่างไกลโรคค่ะ

เหตุไฉน ? ทำไม ? "คุก" ของสิงคโปร์จึงได้รางวัล เรือนจำที่น่าชื่นชมที่สุดในโลก






ความสำเร็จของรางวัล SQA หรือ Singapore Quality Award ถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดที่มอบให้แก่องค์กรที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณา เพื่อแสดงถึงมาตรฐานการดำเนินงาน และการบริหารบุคลากรขององค์กรที่ยอดเยี่ยมที่สุดในระดับสากล
รางวัล SQA ได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีของประเทศสิงคโปร์ โดยได้ประสานแนวทางของ Malcolm Baldrige National Quality Award (MBNQA) ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ประเทศไทย
ได้นำ Thailand Quality Award หรือ TQA มาใช้ในการประเมิน และวัดผลองค์กรให้มีมาตรการการบริหารงานที่เป็นเลิศที่สุดในประเทศเทียบเท่ากับระดับสากล
สำหรับองค์กรที่จะได้รับรางวัล SQA ในประเทศสิงคโปร์ จะต้องเป็นองค์กรที่มีคะแนนอย่างน้อย 700 คะแนน ส่วนองค์กรที่ได้คะแนนตั้งแต่ 800 คะแนน
ขึ้นไปจะได้รับรางวัลคุณภาพสิงคโปร์ยกย่องพิเศษ (Singapore Quality Award with Special Commendation) ซึ่งถือเป็นรางวัลสูงสุดของประเทศสิงคโปร์
โดยองค์กรที่ได้รับรางวัล SQA ประจำปี 2555 ได้แก่ Singapore Customs และ Wing Tai Retail Singapore ส่วนรางวัลที่น่าสนใจที่สุดของรางวัล SQA คือ รางวัลคุณภาพสิงคโปร์ยกย่องพิเศษ ได้แก่ Singapore Prison Service (SPS) องค์กรประเภททัณฑสถานของสิงคโปร์ที่ได้รับการยอมรับว่ามีระบบการบริหารการจัดการที่มีคุณภาพอย่างน่ายกย่องที่สุดในประเทศ
ไม่นานผ่านมา สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ สถาบันเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้ชวนไขรหัส (ไม่) ลับสู่การบริหารจัดการของเรือนจำแห่งนี้ในหัวข้อที่ว่า "การวางกลยุทธ์เพื่อก้าวไปสู่การมีระบบเรือนจำที่น่าชื่นชมที่สุดในโลก"
ภายใต้งานสัมมนา Thailand Quality Award 2012 Winner Conferenceซึ่งกลยุทธ์ที่จะทำให้ "Singapore Prison Service" ก้าวไปสู่จุดยืนได้ "โก ตง ไห่" ผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับส่วน
เจ้าหน้าที่เรือนจำสิงคโปร์บอกว่า ก่อนอื่นเราจะต้องวางยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับเรือนจำของเราอย่างชัดเจนเสียก่อน
"โดยเริ่มต้นจากกำหนดวิสัยทัศน์ในการก้าวไปสู่เป้าหมายที่เราตั้งไว้ ซึ่งนี่คือสิ่งที่จะสะท้อนให้ประชาชนได้รับรู้ว่าเราจะเป็นเรือนจำเพื่อสร้างคนมากกว่าการรับฝากขังในช่วงระยะเวลาหนึ่งเหมือน
เรือนจำอื่นทั่วไป ซึ่งเราได้ใช้เวลาการประชุมและหารือร่วมกันกว่า 9 เดือน จนสามารถกำหนดวิสัยทัศน์เรือนจำ
ของเรา นั่นคือเราจะเป็นเสมือนหนึ่งกัปตันของชีวิตคุณ ซึ่งเชื่อมั่นได้ว่าการชี้ทางของเราจะทำให้เขาสามารถกลับคืนสู่สังคมได้อย่างดีและมีคุณค่าที่สุด"
"ต้องบอกว่าการมีวิสัยทัศน์ที่ดีเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เราก้าวไปสู่การบริหารการจัดการที่เป็นเลิศได้ ดังนั้นเราจึงต้องวางกลยุทธ์ทั้งระบบ ตั้งแต่การพัฒนาปรัชญา และกำหนดตัวชี้วัดของทั้งองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารระดับสูงจะต้องให้การสนับสนุนการขับเคลื่อนขององค์กรให้ก้าวไปข้างหน้า"
"ที่สำคัญ การสื่อสารระหว่างคณะทำงานต่างมีส่วนสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันในการเรียนรู้ และสร้างความเข้าใจร่วมกัน เพราะเราต้องยอมรับว่าการขับเคลื่อนขององค์กรบุคลากรคือส่วนสำคัญที่สุดที่จะบอกได้ว่าผลลัพธ์ของความสำเร็จเกิดขึ้นหรือยัง"
ดังนั้น การวางยุทธศาสตร์ที่สำคัญสู่การสร้างศักยภาพของบุคลากรในเรือนจำแห่งนี้ "โก ตง ไห่" จึงได้วางกลยุทธ์ไว้เพื่อเชื่อมโยงทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วย
"หนึ่ง สร้างศักยภาพ โดยจะเชื่อมโยงกับผู้บริหารระดับสูง และบุคลากรให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน ในการประชุมหารือทบทวนกลยุทธ์และระบบการบริหารการจัดการ เรียกได้ว่าในทุกขั้นตอนของการประชุมทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม เพื่อรับทราบข้อปรับปรุงและแก้ไขกันอย่างเป็นทีม"
"สอง สร้างค่านิยม ให้ทุกคนเป็นผู้คุมอย่างมืออาชีพ ซึ่งค่านิยมของเราจะต้องวางเส้นทางบันไดสู่ความสำเร็จ โดยที่บุคลากรของเราทุกคนจะต้องรับรู้ได้ว่าเส้นทางของแต่ละคนในการก้าวไปสู่บันไดสูงสุดมีทั้งหมดกี่ขั้น และในแต่ละขั้นจะต้องมีการทดสอบเพื่อผ่านไปยังบันไดขั้นต่อไปอย่างไร ซึ่งนี่คือหนทางการสร้างผู้นำในเรือนจำของเรา"
"นอกจากนี้ การสร้างค่านิยมของเรา รวมถึงผู้ทำหน้าที่จะต้องเสมือนครูฝึกนักโทษด้วย โดยครูฝึกจะต้องทำหน้าที่สร้างเวทีเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับสร้างโอกาส
ให้กับเหล่านักโทษ ภายใต้การทำ Workshop เป็นประจำ การทำหน้าที่เช่นนี้จะเป็นการย้ำเตือนว่า การที่เราเป็นผู้คุมขังอย่างมืออาชีพจะต้องมอบโอกาสให้กับนักโทษ เพื่อที่วันหนึ่งเขาจะสามารถกลับไปยืน
จุดเดิมในสังคมได้อย่างสวยงาม นี่คือค่านิยมที่เราพยายามปลูกฝังให้กับบุคลากรทุกคน"
"สาม สร้างนวัตกรรม โดยจะต้องอยู่บนพื้นฐานของการสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรในการเชื่อมนวัตกรรม และการบริหารงานอย่างเป็นระบบ ซึ่งการจะมุ่งสู่นวัตกรรมใหม่ได้เราจะต้องสร้าง
3i ประกอบด้วย Idea มีความคิด และดีไซน์ Improvement ต้องรู้จักปรับปรุงและแก้ไข และ Initiative ต้องริเริ่ม
สิ่งใหม่อยู่เสมอ"
นอกจากนั้น "โก ตง ไห่" ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า...ทุกกลยุทธ์ของเราจะพยายามสอดแทรกตลอด เสมือนเป็นวัฒนธรรมองค์กร ที่นอกจากจะค่อย ๆ หล่อหลอมสร้าง
ตัวตนและคุณค่า โดยเริ่มต้นจากบุคลากรผู้คุมขัง เพื่อให้เขารู้สึกถึงความเป็นคนที่มีคุณค่าจากกิจกรรมที่เราส่งเสริม ทั้งนั้นเพื่อจะได้ถ่ายทอดให้กับนักโทษของเราได้อย่างมืออาชีพ
ตรงนี้จึงเป็นคำตอบที่ทำให้ได้รับรางวัล SQA ครั้งนี้
"เพราะนอกจากจะเป็นแรงบันดาลใจหนึ่งที่สำคัญต่อการสร้างนวัตกรรมในอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หากเรายังคงใช้แนวคิดที่ว่าเพื่อที่จะเป็นกัปตันในชีวิตให้กับเขาอย่างมืออาชีพ และนี่คือการสร้างความพึงพอใจและสิ่งที่มีค่าที่สุดของเรา"
และนี่คืออีกหนึ่งองค์กรที่ไม่เคยมองข้ามการพัฒนา และมุ่งสร้างบุคลากรจนเป็นองค์กรที่น่ายกย่องที่สุดสำหรับประเทศสิงคโปร์

เคล็ดฟันขาวแบบธรรมชาติ





ใครที่ดื่มชาหรือกาแฟบ่อย ๆ คงจะรู้สึกได้ว่าฟันเป็นคราบสีเหลืองไม่น่ามองใช่มั้ย?

ทันตแพทย์ที่แมนฮัตตันแนะให้ลองใช้เนื้อสตรอเบอร์รี่คั้นผสมกับเบกกิ้งโซดาแทนยาสีฟันดู แปรงเสร็จก็ทิ้งไว้สัก 5 นาทีแล้วค่อยบ้วนน้ำออก ฟันก็จะค่อย ๆ ขาวขึ้นเอง แต่อย่าใช้วิธีนี้เกินสัปดาห์ละครั้งนะ เพราะกรดในสตรอวเบอร์รี่อาจทำลายเคลือบฟันของคุณก็ได้

ลักษณะของสิวที่กดได้





ตั้งแต่อ่านเรื่องวิธีกดสิวมาบทความนี้น่าจะบอกเรื่องสิวที่กดได้ไม่ได้ชัดเจนที่สุด
ลักษณะของสิวที่กดได้
สีแดง = หยุด!!!
หากเป็นตุ่มสีแดง ๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณตุ่มนั้น หากกดออกตอนที่เป็นตุ่มแดงอยู่นี้ แล้วก็จะมีปัญหาผิวในชั้นที่ลึกลงไปกว่าเดิม จากนั้นก็จะกลายเป็นผู้ที่มีผิวหน้าแดง ๆ มากกว่าเดิม ดังนั้นเมื่ออยู่ในสถานะเป็นตุ่มแดงเช่นนี้ห้ามทำอะไรกับมันเด็ดขาด
สีเหลือง = เตรียมตัว
หากตุ่มสิวนั้นมีลักษณะเหมือนมีไขมันเหลือง ๆ อยู่ข้างใน ขั้นนี้สามารถจัดการบีบ/กดออกได้เลย แต่ต้องใช้ศิลปะและเทคนิคในการทำ เริ่มต้นด้วยการล้างมือให้สะอาดและล้างผิวบริเวณตุ่มสิวนั้นให้สะอาดด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วแบคทีเรียที่มือและหน้าจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ใช้ทิชชู่วางข้าง ๆ ตุ่มหนองนั้นทั้งสองข้าง แล้วใช้นิ้วมือสองข้างค่อย ๆ ดันเข้าหากันอย่างเบามือ อย่าให้นิ้วมือหรือเล็บบีบ/กดลงไปที่สิวโดยตรงเป็นอันขาดเพราะจะทำให้ผิวเป็นรอยช้ำจากการใช้เล็บจิกกด
เมื่อกดจนเห็นว่าหนองเหลือง ๆ ออกไปหมดจนเหลือแต่น้ำใส ๆ แล้วเมื่อกดต่อไปจะมีเลือดออก ถึงตอนนี้ให้หยุดกด/บีบได้ เพราะหมายถึงว่าหนองได้ออกไปจนหมดแล้ว จากนั้นให้ใช้พวกยาปฏิชีวนะแต้มที่แผลสิว หรือจะใช้เป็นทีทรีออยล์ก็ได้ เพื่อป้องกันการอักเสบของผิวบริเวณที่ถูกกด/บีบ จากนั้นล้างมือให้สะอาดอีกครั้ง การกด/บีบสิวลักษณะนี้ออกไปนั้นจะช่วยให้หายได้เร็วกว่าการปล่อยทิ้งไว้ให้หายเอง
เขียว = เริ่ม
หากว่าสิวนั้นเป็นหนองเขียว ให้บีบออกได้เลย แต่ปกติแล้วจะไม่ค่อยเป็นแบบนี้

สิวหัวขาว และสิวหัวดำ
มีกฎอยู่ว่า หากเป็นสิวนั้นมีหัวเป็นสีดำให้กดออกได้ แต่หากเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาวอย่ากดออก สิ่งสำคัญในการกดอยู่ที่มือที่สะอาด, ทิชชู่ และต้องหยุดกดหากไม่มีอะไรออกมาแล้ว หรือว่าเริ่มมีเลือดออกมา - - การกดสิวหัวดำนี้สามารถใช้ที่กดสิวเป็นเครื่องมือได้ แต่จริง ๆ แล้วก็ใช้นิ้วมือโดยมีทิชชู่เป็นตัวกลางนั้นดีกว่าเป็นสิบเท่า
สรุปก็คือ - ดูก่อนว่าสิวเป็นแบบไหน แดง เหลือง เขียว และจำไว้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรเริ่มและเมื่อไหร่ที่ควรหยุด

" น้ำมันตับปลา "กับ " น้ำมันปลา "แตกต่างกันอย่างไร







ทำไมจึงต้องทานน้ำมันปลา
หลายคนคงทราบมาก่อนแล้วว่าน้ำมันปลามีกรดไมขัน โอเมก้า-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ น้ำมันปลามีอยู่ในจำพวกอาหารทะเล อาทิ ปลาอินทรีย์ ปลาทู ทูน่า หอยนางลม กุ้งฝอย เป็นต้น

น้ำมันปลากับโรคหัวใจและหลอดเลือด
ชาวเอสกิโมที่อาศัยอยู่ในแถบหมู่เกาะกรีนแลนด์มีอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหัวใจและข้ออักเสบต่ำ ทั้งๆ ที่กลุ่มคนเหล้านี้มีการบริโภคไขมันปลาในปริมาณสูง ภายหลังมมีการค้นพบว่าไขมันปลาที่ชาวเอสกิโมบริโภคอยู่นั้นประกอบไปด้วย โอเมก้า 3 ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันในเลือดสูง และโรคความดันโลหิต

น้ำมันปลากับการบำรุงสมอง
เนื่องจากดีเอชเอ (DHA) เป็นส่วนประกอบหนึ่งของเนื้อเยื่อสมอง น้ำมันปลาจึงมีผลต่อหน้าที่การทำงานของสมองหรือแม้แต่การสร้างสารสื่อนำประสาทในสมอง

น้ำมันปลากับโรครูมาตอยด์ (โรคข้ออักเสบ)
อีพีเอ (EPA) จากโอเมก้า 3 (Omega 3) มีผลในการลดการอักเสบที่เกิดจากสารก่ออักเสบในร่างกาย ซึ่งจะพบมากในผู้ป่วยที่เป็นโรครูมาตอยด์
น้ำมันปลา (Fish Oil) คืออะไร ?
น้ำมันปลา คือน้ำมันที่สกัดจาก เนื้อ หัว หาง และหนังของปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคคอเรล ปลาทูน่า เป็นต้น น้ำมันปลายังเป็นแหล่งของกรดไขมันจำเป็นไม่อิ่มตัวที่ เรียกว่า โอเมก้า 3 (Omega 3 ) ประกอบไปด้วย อีพีเอ (EPA) และ ดีแอชเอ (DHA) ซึ่ง มีประโยชน์ต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ บำรุงสมองและสายตา
ต่างจากน้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) อย่างไร ?
น้ำมันตับปลา เป็นน้ำมันที่ได้จากตับปลาทะเล เป็นแหล่งที่ให้วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวพรรณ และวิตามินดี ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระดูก หากรับประทานมากเกินขนาด อาจเกิดพิษจากการสะสมของวิตามินเอและดีซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในร่างกายส่วนที่เป็นไขมัน

น้ำมันปลา
1. สกัดได้จากเนื้อ หัว หางและของปลาทะเล
2. เป็นแหล่งที่ให้กรดไขมันจำเป็น โอเมก้า 3
3. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันในเลือดสูง
น้ำมันตับปลา
1. สกัดจากตับปลาทะเล
2. เป็นแหล่งที่ให้วิตามินเอและดี
3. บำรุงร่างกายทั่วไป
ที่มา: รายการ Healthy Time ทาง MCOT1